ถิ่นที่อยู่ของผู้พูดภาษาฉาต้งในปัจจุบันคือพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ
ที่กระจัดกระจายและก่อตั้งขึ้นเป็นชุมชนเล็กๆตามธรรมชาติในเขตการปกครองของชุมชนที่ชื่อ
“ชุมชนฉาต้ง” ชุมชนนี้ตั้งอยู่ในเขตปกครองของอำเภอหลินกุ้ย เมืองกุ้ยหลิน
มณฑลกว่างซี (广西省桂林市临桂县茶洞乡Guǎngxī shěng Guìlín shì Línguì xiàn Chádòng xiāng) พื้นที่ของชุมชนฉาต้งอยู่ฝั่งตะวันตกของอำเภอหลินกุ้ยออกไป
28 กิโลเมตร ทิศตะวันออกติดกับชุมชนตู้โถว (渡头乡Dùtóu xiāng)
ทิศใต้จรดตำบลเหลี่ยงเจียง (两江镇Liǎngjiāng zhèn)
ทิศตะวันตกติดกับชุมชนหลงเจียงของอำเภอหย่งฝู (永福县龙江乡Yǒngfú xiàn
Lóngjiāng xiāng)
ทิศเหนือติดกับชุมชนชาวเหยาหวงซาและชุมชนป่าวหนิง (黄沙瑶族乡,保宁乡Huángshā Yáozú
xiāng, Bǎoníng xiāng) รวมพื้นที่ชุมชนฉาต้งทั้งหมด 11 หมู่บ้าน
ในจำนวนนี้มี 9 หมู่บ้านที่พูดภาษาฉาต้ง ได้แก่ บ้านอานเล่อ (安乐村Ānlè cūn)
บ้านบ้านฟู่เหอ (富合村Fùhé cūn) บ้านฮู่ซาน (护山村Hùshān cūn)
บ้านเจียงโจว (江洲村Jiāngzhōu cūn) บ้านเวินเหลียง(温良村Wēnliáng cūn)
บ้านฉาต้ง(茶东村Chádōng cūn) บ้านซานเหอ(三合村Sānhé cūn)
บ้านเหรินอี้(仁义村Rényì cūn) และบ้านป่าวเหอ(保合村Bǎohé cūn)
นอกจากนี้ในพงศาวดารอำเภอหลินกุ้ย 《临桂县志Línguì xiànzhì》[1]
มีกล่าวถึงชื่อ “ฉาต้ง” หลี่หรูหลงและคณะ (Lǐ
Rúlóng
et
al.,2012, 1) อธิบายความจากพงศาวดารดังกล่าวว่า
นอกจากจะมีชาวฉาต้งอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีชาวฉาต้งอาศัยอยู่กระจัดกระจายในพื้นที่ชุมชนตามธรรมชาติของบ้านซานโข่ว
ตำบลเหลี่ยงเจียง (两 江镇山口村Liǎngjiāng zhèn
Shānkǒu cūn)
ด้วยส่วนหนึ่ง จากคำบอกเล่าของผู้บอกภาษาเล่าว่า
ต้นกำเนิดของคนที่พูดภาษาฉาต้งเดิมทีตั้งอยู่ที่ถนนฉาต้ง บ้านฉาต้งและบ้านฟู่เหอ
จากนั้นอพยพขยายอาณาเขตออกไปอยู่ตามหมู่บ้านอื่นๆ ของอาณาเขตตำบล แล้วขยายออกไปสู่เขตตำบลเหลี่ยงเจียง
รายงานข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรของรัฐบาลเขตปกครองตนเองชาวจ้วงกว่างซี
เมืองกุ้ยหลิน เขตหลินกุ้ย นับตั้งแต่ปี
1990 มีจำนวนประชากรชาวฉาต้ง 20,604 คน ปี 2000 มี 20,547 คน ข้อมูลล่าสุด
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2516 [2] รายงานว่า
จำนวนประชากรในชุมชนฉาต้งมีทั้งสิ้น 22,151 คน แต่ในชุมชนฉาต้งมีหมู่บ้านส่วนหนึ่งที่ไม่ได้พูดภาษาฉาต้ง
และมีส่วนน้อยบางส่วนที่กระจายอยู่ในพื้นที่ตำลเหลี่ยงเจียงอีกไม่เกิน 200 คน
ดังนั้นกลุ่มคนที่พูดภาษาฉาต้งก็น่าจะมีจำนวนราวๆ สองหมื่นคน ในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุเกิน 60
ปีที่พูดภาษาฉาต้งได้คล่องแคล่วและใช้ในชีวิตประจำวันอยู่เพียง 3,778 คนเท่านั้น
จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์
จารึกป้ายบรรพชน การสืบสายตระกูลแซ่
พบว่าชาวฉาต้งเป็นกลุ่มชนที่อพยพมาจากพื้นที่ที่ชาวเหมาหนานอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
และจากข้อมูลทางการแพทย์ที่รายงานว่าชาวฉาต้งมีสายพันธุ์แม่ใกล้ชิดกับชาวเหมาหนาน
ก็เป็นข้อสนับสนุนที่รัดกุมยิ่งขึ้นที่จะสรุปได้ว่า
ชาวฉาต้งเป็นชาวเหมาหนานที่อพยพมาสองช่วง
ช่วงเก่าแก่ที่สุดคือข้อมูลของป้ายแซ่หวงตรงกับช่วงก่อน ค.ศ. 571-474
และช่วงหลังคือหลักฐานของป้ายแซ่หลงตรงกับช่วง ค.ศ.1375
สำหรับตัวผู้เขียนเองแล้วเห็นว่าภาษาฉาต้งมีคำศัพท์ร่วมเชื้อสาย
มีระบบไวยากรณ์ที่สอดคล้องกันกับภาษาตระกูลไทในประเทศจีนและภาษาไทย(รวมทั้งภาษาถิ่นตระกูลไทยบางภาษาด้วย)
ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงลักษณะของภาษาตระกูลไทในภาษาฉาต้งแล้ว ซึ่งสามารถใช้เป็นข้อยืนยันได้ว่าภาษาฉาต้งเกี่ยวข้องกับภาษาตระกูลไทเป็นแน่
เนื่องจากพบลักษณะที่สอดคล้องมากกว่าลักษณะที่แตกต่าง
ส่วนที่แตกต่างเป็นลักษณะที่รับอิทธิพลมาจากภาษาจีนเช่นการยืม การแทรกซึม
ซึ่งเป็นลักษณะที่ชัดเจนและสามารถตัดสินได้ไม่ยากทั้งยังเป็นปรากฏการณ์ที่พบได้ทั่วไปในภาษาของชนกลุ่มน้อยทุกภาษาในประเทศจีน
ข้อมูลที่เด่นชัดสรุปได้ดังนี้
1.
โครงสร้างพยางค์ภาษาฉาต้งประกอบด้วยพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์
2.
มีพยัญชนะนาสิกพ่นลม คือ /m8, n8, N8/
เมื่อเปรียบเทียบกับสมาชิกแขนงต้ง-สุ่ยภาษาอื่นๆที่ได้นำเสนอไปแล้วทั้งในเล่ม 1
และเล่ม 2 นี้ ก็พบว่าสอดคล้องกับหลายภาษา เช่น มูลัม สุ่ย มาก อายจาม
ลักกะเป็นต้น
3.
เสียงกึ่งเสียดแทรกไม่ใช่ลักษณะเด่นของภาษาแขนงต้ง-สุ่ย
ในภาษาฉาต้งก็พบได้น้อยเช่นกัน ส่วนที่พบคือ /ts, tsh/ เป็นเสียงที่เกิดจากคำยืมภาษาจีน
4.
มีการแบ่งเสียงสระสั้น-ยาว โดยเฉพาะเมื่อมีหางสระ ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่พบในภาษา
แขนงต้ง-สุ่ย
5.มีพยัญชนะที่ปรากฏเป็นหางสระได้แก่
/-m,-n,-N,-p,-t,-k/ เหมือนกันกับภาษาแขนงต้ง-สุ่ย
6.
ระบบเสียงวรรณยุกต์มีสองชุดคือ
วรรณยุกต์ที่เกิดกับคำพยางค์ปิดและวรรณยุกต์ที่เกิดกับคำพยางค์เปิด ลักษณะเช่นนี้เป็นรูปแบบการวิเคราะห์เสียงวรรณยุกต์ของนักภาษาศาสตร์จีน
ซึ่งพบว่าภาษาสาขาจ้วง-ต้งทุกภาษามีวรรณยุกต์แบบนี้
7.ลักษณะความสัมพันธ์ของพยัญชนะที่เป็นคู่เสียงปฏิภาคหรือร่องรอยของเสียงพยัญชนะต้นที่เป็นปรากฏการณ์ของระบบเสียงในภาษาตระกูลไท
เช่น การกร่อน การสูญหาย การเลื่อน หรือกลายเสียง
ก็พบว่าในภาษาฉาต้งมีลักษณะดังกล่าวเช่นกัน
ลักษณะเช่นนี้ทำให้เป็นเกิดคู่เสียงปฏิภาคขึ้น
อันเป็นวิธีที่นักภาษาศาสตร์นำมาศึกษาความสัมพันธ์ของภาษาอย่างหนึ่ง
ยกตัวอย่างการเปรียบเทียบคำศัพท์ภาษาฉาต้งกับภาษาไทยก็จะเห็นได้ไม่ยาก
ในตอนท้ายของบทพรรณนาภาษาฉาต้งนี้ผู้เขียนจะยกตัวอย่างคำศัพท์ภาษาฉาต้งเปรียบเทียบกับภาษาไทย
คำศัพท์ดังกล่าวถือเป็นคำศัพท์ร่วมเชื้อสายกัน แต่เกิดการแปรเสียงในลักษณะต่างๆ
ดังนี้
คำภาษาฉาต้ง
|
คำภาษาไทย
|
|||||||||
|
b
|
ph
|
d
|
r
|
th
|
k
|
khr
|
kl
|
kw
|
h
|
pin31
|
บิน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pa:N21
|
บาง
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pa:n31
|
บน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pai21
|
|
แพ
|
|
|
|
|
|
|
|
|
pa:n31
|
|
แผ่น
|
|
|
|
|
|
|
|
|
paN53
|
|
พัง
|
|
|
|
|
|
|
|
|
lap23
|
|
|
ดับ
|
|
|
|
|
|
|
|
lip23
|
|
|
ดิบ
|
|
|
|
|
|
|
|
lei23
|
|
|
ได้
|
|
|
|
|
|
|
|
nam53
|
|
|
ดำ
|
|
|
|
|
|
|
|
naN53
|
|
|
ดั้ง(จมูก)
|
|
|
|
|
|
|
|
nien21
|
|
|
เดือน
|
|
|
|
|
|
|
|
lau53
|
|
|
|
เรา
|
|
|
|
|
|
|
la:n35
|
|
|
|
ร้าน
|
|
|
|
|
|
|
liuN21
|
|
|
|
รุ้ง
|
|
|
|
|
|
|
la:m21
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
la:n23
|
|
|
|
|
|
|
คร้าน
|
|
|
|
loN35
|
|
|
|
|
|
|
คลื่น
|
|
|
|
ti35
|
|
|
|
|
ที่
|
|
|
|
|
|
ti:p3
|
|
|
|
|
ทับ
|
|
|
|
|
|
tou35
|
|
|
|
|
ถั่ว
|
|
|
|
|
|
ha21
|
|
|
|
|
|
ฆ่า
|
|
|
|
|
han53
|
|
|
|
|
|
คัน
|
|
|
|
|
ham53
|
|
|
|
|
|
ขุ่น
|
|
|
|
|
kuN53
|
|
|
|
|
|
|
|
กลอง
|
|
|
kei31
|
|
|
|
|
|
|
|
กลาย
|
|
|
kǝp23
|
|
|
|
|
|
|
|
กลบ
|
|
|
weN21
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ขวาง
|
|
wi53
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ควัน
|
|
wai53
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เขว
|
|
Na:n35
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ห่าน
|
No23
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ห้า
|
Na31
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หาว
|
นอกจากนี้ยังพบเห็นร่องรอยของคำที่น่าสงสัยว่าจะเป็นคำภาษาไทยโบราณในภาษาฉาต้งด้วย
เช่น คำภาษาไทยว่า “ประตู” ตรงกับภาษาฉาต้งว่า /pa:k31 to53/ แปลตามตัวว่า “ปาก -ตู” และคำภาษาไทยว่า “ถั่วลิสง” ตรงกับภาษาฉาต้งว่า
/lo35 seN53/ แต่คำเหล่านี้เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน
เนื่องจากดูจากรูปคำแล้วเห็นว่าคล้ายกัน
แต่มีตัวอย่างไม่มากจึงยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดได้
ในส่วนของคำว่า “ประตู”
นั้นเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาษาอื่นๆ ก็จะสามารถสืบหาร่องรอยได้ไม่ยาก
จากการเปรียบเทียบคำศัพท์กับภาษาต่างๆพบว่าสอดคล้องกัน
สันนิษฐานว่าคำศัพท์ดั้งเดิมของภาษาตระกูลไทเป็นคำพยางค์เดียว แล้วแต่ละภาษาเกิดส่วนเติมหน้า
บ้างเกิดเป็นคำ เช่น ภาษาไต ภาษาไทย( “ปาก” แล้วกร่อนเสียงเป็น “ประ”)
บ้างเกิดเป็นหน่วยเสียงที่ไม่มีความหมาย เช่น ภาษาปู้ยัง
แต่ส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์พยางค์เดียว สันนิษฐานว่าเป็นรากคำเดิมตั้งแต่เมื่อครั้งที่ภาษาสาขาจ้วง-ต้ง
ทุก แขนงยังไม่แยกออกจากกัน
ดังข้อมูลต่อไปนี้
คำภาษาสาขาจ้วง-ต้ง
|
คำภาษาไทย
|
หมายเหตุ
|
ไต
|
pa:k9 tu1
|
ร่วมเชื้อสาย เกิดคำเติมหน้า
|
ปู้อี
|
tu1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
จ้วง
|
tou1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
ฉาต้ง
|
pa:k31 to53
|
ร่วมเชื้อสาย เกิดคำเติมหน้า
|
ต้ง
|
to1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
สุ่ย
|
to1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
เหมาหนาน
|
t1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
มาก
|
tu1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
ปู้ยัง
|
ma0
t312
|
ร่วมเชื้อสาย เกิดหน่วยเสียงเติมหน้า
|
เปียว
|
to1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
เบ
|
tau1
|
ร่วมเชื้อสาย
|
หลี
|
khu:n1
|
คำศัพท์เฉพาะเผ่าพันธุ์
|
ชุน
|
muǝn1
|
คำยืมภาษาจีน
|
สำหรับภาษาฉาต้ง
มีลักษณะที่ได้ข้อสรุปเพิ่มเติมอีกประการหนึ่งก็คือ
คำที่ภาษาไทยเกิดหน่วยเสียงเติมหน้าจำพวก “กระ มะ สะ ตะ” และคำควบไม่แท้ในภาษาไทย
คำเหล่านี้ในภาษาฉาต้งเป็นคำพยางค์เดียว แต่เริ่มเกิด “หน่วยเสียง”
ขึ้นที่พยางค์หน้าบ้างแล้วในคำบางคำ ดังข้อมูลต่อไปนี้
คำภาษาฉาต้ง
|
คำภาษาไทย
|
|
คำภาษาฉาต้ง
|
คำภาษาไทย
|
ciN45
(镜jìng)
|
กระจก
|
thei53
|
กระเทียม
|
|
ke35
|
มะเขือ
|
thsa:m53
|
ผสม
|
|
kh«m45
|
ตะกอน
|
tT:n45
|
กระสาน (กระจาย)
|
|
leN45
|
ฉลาด
|
tTe21
|
สะดือ
|
|
mien35
(面miàn)
|
บะหมี่
|
tTeN45
(锈xiù)
|
สนิม
|
|
muk23
|
ขี้มูก
|
wa45
|
ขยะ
|
|
Na53
|
ตะกละ
|
tshi33 «k5
|
สะอึก
|
|
wa35 sap5
|
พูดเสียงเบาๆ
|
s«p5
|
กระซิบ
|
จากตารางคำศัพท์ข้างต้นจะพบว่าคำที่ภาษาไทยออกเสียงเป็นสองพยางค์
ภาษาฉาต้งออกเสียงเป็นคำพยางค์เดียว
และมีคำบางคำเริ่มมีการเกิดพยางค์หน้าขึ้นเพื่อแยกความหมายออกจากรากคำเดิมเช่นคำว่า
/s«p5/ แปลว่า
“กระซิบ” แต่เมื่อเติมพยางค์หน้า เป็น / wa35 sap5/ แปลว่า “พูดเสียงเบา” ส่วนคำว่า / tshi33 «k5/ “สะอึก” พยางค์หน้าไม่มีความหมาย
นอกจากนี้มีคำบางคำเป็นคำยืมภาษาจีนเก่าด้วย
[1] ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและการวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียด
โปรดเพิ่มเติมได้ในบทสรุปภาษาเปียว
[1] 梁金荣.(1996)《临桂县志》.北京:方志出版社.卷9至卷15. Liáng Jīnróng.(1996) Línguì xiànzhì. Běijīng: Fāngzhì chūbǎn
shè. Juǎn 9 zhì juǎn 15. เหลียงจินหรง. (1996) พงศาวดารอำเภอหลินกุ้ย.ปักกิ่ง: ฟางจื้อ.บรรพ 9 ถึงบรรพ 15.
[2] 广西壮族自治区桂林市临桂区政府网Guǎngxī
Zhuàngzú zìzhìqū Guìlín shì Línguì qū Zhèngfǔ wǎng. สืบค้นเมื่อ 17
มกราคม 2559 เข้าถึงได้ทาง: http://www.lingui.gov.cn/detail/506ab5be-4850-4684-9edd-17a745b58a60.html หัวข้อ “ประชากร” (人口Rénkǒu)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น