วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

ซวิน : เครื่องดนตรีจากหินล่าสัตว์



ภาพนี้คัดลอกมาจาก http://a3.att.hudong.com/06/29/300001333265131359296079804.jpg


การกำเนิดของเครื่องดนตรีตามคำบอกเล่าของบรรพบุรุษของแต่ละชนชาติเป็นเรื่องน่าสนใจและน่าอัศจรรย์ในจินตนาการของบรรพชนเป็นอย่างมาก โดยมากเป็นนิทานตำนานเหนือธรรมชาติ ดังเรื่องซอหัวม้าของชาวมองโกล ชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งของจีน  ที่สร้างจากกระดูก หนังและเส้นหางของม้า เพราะม้าอันเป็นที่รักถูกทำร้ายแสนสาหัสจนเสียชีวิต เจ้าของเสียใจมากจึงใช้อวัยวะในร่างกายของม้าทุกส่วนประกอบเป็นซอเพื่อเป็นสิ่งระลึกถึงม้า จนกลายมาเป็นเครื่องดนตรีประจำชาติของชาวมองโกล เรื่องกู่เจิงของจีนในสมัยราชวงศ์ฉิน ที่เดิมมีห้าสิบสาย แล้วเกิดการแย่งชิงกันแตกออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งกลายไปเป็นพิณกายาคึมของเกาหลี ส่วนหนึ่งกลายไปเป็นพิณโกโตะของญี่ปุ่น และอีกส่วนหนึ่งกลายมาเป็นกู่เจิงของจีนอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เรื่องพิณสายเดี่ยวของชาวจิงที่เป็นบรรพบุรุษของเวียดนาม หนุ่มสาวคู่หนึ่งแต่งงานได้ไม่นาน สามีถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารหลายปีไม่กลับ นางจึงออกเดินทางตามหาสามีแล้วถูกโจรทำร้าย ควักลูกตาจนบอดทั้งสองข้าง  เสียงร้องไห้โหยหวนดังถึงเทวดาจนต้องลงมาดู และได้มอบพิณสายเดี่ยวไว้ จากนั้นเสียงพิณสายเดี่ยวก็นำนางไปพบกับสามีสมดังใจ พิณสายเดี่ยวก็กลายเป็นเครื่องดนตรีประจำชาติของชาวจิงมาจนตราบปัจจุบัน
แต่การกำเนิดของเครื่องดนตรีที่แท้จริงคงไม่ใช่อย่างในตำนาน หรือนิทานปรัมปราเล่ากันมาเป็นแน่  หากแต่เกิดขึ้นและสร้างสรรค์มาจากธรรมชาติโดยแท้  เสียงกระทบกันของก้อนหิน ไม้ โลหะทำให้เกิดเครื่องตี เสียงเสียดสีกันของกิ่งไม้ เส้นไหม  ทำให้เกิดเครื่องสี เสียงลมพัดใบไม้  ลมพัดเข้าในรูกลวงของท่อนไม้ทำให้เกิดเครื่องดนตรีประเภทเป่า เสียงดึงเชือกลากจูงตึงหย่อน หรือการง้างเส้นธนูล่าสัตว์ที่ตึงหย่อนทำให้เกิดเครื่องดนตรีประเภทดีด เป็นต้น หลังจากที่ผู้คนสังเกตเห็นเสียงที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ นำมาสร้างเครื่องดนตรีและวิวัฒนาการเรื่อยมา จนกลายเป็นเครื่องดนตรีที่ให้เสียงไพเราะล้ำลึกมากมายมหาศาล นับเป็นของขวัญชิ้นเอกที่ธรรมชาติมอบให้กับโลกและผู้คนบนโลกใบนี้          
ซวิน  คือเครื่องเป่าดินเผา  ที่เก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่งของจีน มีอายุราว 7 พันปี  แต่สิ้นเสียงไปอย่างแทบจะไม่มีโอกาสได้อวดเสียงขับกล่อมชาวโลกได้อีกด้วยถูกฝังกลบอยู่ใต้ดินไปนาน แต่หลังจากการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนเป็นต้นมา โดยเฉพาะในระยะสิบกว่าปีมานี้ หลังจากการขุดพบซวิน นักดนตรีวิทยาของจีนได้พยายามศึกษาค้นคว้าบนความว่างเปล่า เพื่อศึกษาหาวิธีการบรรเลงจากเครื่องดนตรีแปลกหน้าที่ไร้การสืบทอดชิ้นนี้จนเป็นผลสำเร็จ    ซวินได้ถูกปลุกให้ฟื้นตื่นจากการหลับใหล กลับมาขับเสียงหวานแว่วก้องไปทั่วโลกแห่งดนตรีกาลอีกครั้ง เสียงที่เป็นเอกลักษณ์บรรเลงก้องไปไกลถึงหนใด ดึงดูดความฉงนสนใจของนักดนตรีทั่วโลกให้ตามหาเสียงนั้น สันนิษฐานว่า ซวินพัฒนามาจากเครื่องมือล่าสัตว์ชนิดหนึ่งที่ชื่อ     สือหลิวซิง (หมายความว่า ดาวตกหิน)  ในอดีตผู้คนใช้เชือกมัดหินก้อนกลม หรือโคลนปั้นเป็นก้อนกลมตากให้แห้ง ใช้ขว้างนกหรือสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร ลูกหินบางลูกภายในกลวงและมีรูบนพื้นผิว เมื่อขว้างออกไป ลอยปะทะกับลมเกิดเป็นเสียงขึ้น สร้างความประหลาดใจ ความสนอกสนใจและความสนุกสนานให้คนในสมัยนั้นเป็นอันมาก  จึงลองนำมาเป่าดูและพบว่าสามารถเป่าเป็นเสียงต่างๆได้ และเมื่อเอามือปิดรูบนพื้นผิวทำให้เกิดเสียงสูงต่ำต่างกัน  จึงมีการพัฒนาเรื่อยมา เกิดเป็นเครื่องเป่าดินเผาที่เรียกว่า ซวิน ในที่สุด
ซวินในยุคเริ่มแรกทำมาจากหินและกระดูกสัตว์ เมื่อเข้าสู่ยุคดินเผาจึงได้พัฒนามาเป็นซวินที่ทำจากดินเผา รูปร่างก็ไม่เหมือนกัน บ้างเป็นรูปทรงกลมแบน ทรงรี ทรงกลม รูปปลา หรือทรงผลสาลี่ แต่ทรงสาลี่เป็นที่นิยมมากที่สุด
ด้านบนของซวินมีรูเป่า พื้นเรียบ  ด้านข้างลำตัวมีรูกดบังคับเสียง  ซวินในยุคแรกสุดมีเพียงรูเดียว  จากนั้นค่อยๆพัฒนาให้มีรูเพิ่มขึ้น จนกระทั่งถึงปลายศตวรรษที่ 3 เริ่มมีซวิน 6 รู เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปลายปี 30 แห่งศตวรรษที่ 20 ศาสตราจารย์เถาเจิ้ง คีตกรแห่งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์แห่งชาติจีน เริ่มศึกษาวิจัยและประดิษฐ์ซวินดินเผาเลียนแบบของโบราณ ต่อมาศาสตราจารย์เฉินจ้ง แห่งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์เมืองเทียนจิน ได้ประดิษฐ์ซวินดินเผา 9 รูขึ้น  โดยอาศัยพื้นฐานจากซวินทรงสาลี่ 6 รู และวิทยาการการผลิตเครื่องดินเผาของเมืองอี๋ซิ่ง มณฑลเจียงซู ซวินใหม่นี้นอกจากจะรักษารูปทรงดั้งเดิมของซวินไว้แล้ว ยังมีเสียงดังขึ้น ช่วงเสียงกว้างขึ้น ไล่เสียงตามบันไดเสียงได้ครบ รวมทั้งสามารถบรรเลงเสียงครึ่งเสียงได้ด้วย  ทำให้ซวินใหม่นี้กลายเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถเปลี่ยนบันไดเสียงได้  ซวินมีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มีความเป็นโบราณ เรียบง่าย นุ่มและลุ่มลึก เศร้าวังเวง แต่แฝงไว้ด้วยพลังความฮึกเหิมแข็งแกร่ง นอกจากนี้  ปัญหาของซวินแบบเดิมคือการเรียงตัวของรูกดเสียงไม่เป็นระบบระเบียบ ซวิน 9 รูที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่นี้ ได้พัฒนาให้ระบบการกดเสียง และตำแหน่งรูบังคับเสียงเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้การบรรเลงมีความคล่องตัวมากขึ้น ซวินสามารถใช้บรรเลงเดี่ยว บรรเลงร่วมและบรรเลงประกอบกับเครื่องดนตรีอื่น ๆ ได้อย่างกลมกลืน
การเปิดตัวของซวินดินเผา 9 รู  เป็นสัญลักษณ์การเกิดใหม่ของซวินโบราณที่เคยสูญหายไป  หลังการเผยแพร่ซวินใหม่ไม่นาน  คีตกรในคณะดนตรีของมณฑลหูเป่ยชื่อ จ้าวเหลียงซานซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของศาสตราจารย์เฉินจ้ง  ประดิษฐ์ซวินโดยแกะสลักจากไม้แดง มี 10 รู  แก้ปัญหาการไม่สามารถเป่าเสียงสูงของซวินได้สำเร็จ
ในประวัติการดนตรีของจีน ซวินนับเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญในราชสำนักอย่างหนึ่ง  ในวงดนตรีราชสำนัก  ซวินแบ่งได้ 2 แบบคือ ซ่งซวิน (ซวินบวงสรวง) และ หย่าซวิน (ซวินชั้นสูง)  ซ่งซวินมีรูปทรงเล็กเท่าๆกับไข่ไก่ มีเสียงสูง  หย่าซวินรูปทรงใหญ่ มีเสียงต่ำทุ้ม มักบรรเลงร่วมกับเครื่องเป่าโบราณที่ทำจากไม้ไผ่ชนิดหนึ่งชื่อ ฉือ มีหลักฐานในบทกลอนที่เก่าแก่ที่สุดของจีน ซือจิง(คัมภีร์กลอน) ว่า คนแซ่โป๋เป่าซวิน คนแซ่จ้งเป่าฉือ นับเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการศึกษาประวัติความเป็นมาของซวินได้เป็นอย่างดี
ซวินมาตรฐานที่นิยมบรรเลงเป็นซวิน 9 รู ซวิน 9 รูนี้มีรูด้านหน้า ฝั่งซ้าย 4 รู ฝั่งขวา 3 รู ด้านหลังซ้ายขวาฝั่งละ 1 รู รวมเป็น 9 รู  การบรรเลงซวิน 9 รู คือ การเป่าที่ด้านบนของซวิน ลักษณะปาก มุมปากทั้งสองด้านปิดสนิทให้เหลือช่องลมที่กลางริมฝีปาก เวลาเป่าใช้วิธีผิวลมเข้าช่องเป่า ลักษณะการจับซวิน นิ้วมือมือทั้งสองข้างประคองซวินไว้ นิ้วชี้ กลาง นาง ก้อยของมือทั้งสองทำหน้าที่กดปิด เปิดรูด้านหน้าของซวิน ส่วนนิ้วโป้งของมือทั้งสองทำหน้าที่กดปิด - เปิดรูด้านหลังของซวินเพื่อบังคับเป็นเสียงโน้ตต่างๆ  ดังภาพ
 
 
 
 
 
                การกดเปิด ปิด รูต่างๆ ทำให้ได้เสียงตัวโน้ตต่างกัน แสดงดังภาพต่อไปนี้
                สัญลักษณ์ที่ปรากฏในภาพ รูที่ระบายสีดำทึบคือการกดปิดรู รูที่ไม่ได้ระบายสีทึบคือการเปิดรู ตัวเลขที่แสดงที่มุมบนซ้ายของแต่ละช่องคือเสียงโน้ตที่ได้ ตั้งแต่ 1 7  ก็คือเสียงตัวโน้ต โด ถึง ที  จุดที่กำกับบนตัวเลข จุดบนหมายถึงเสียงสูง ไม่มีจุดหมายถึงเสียงปกติ และจุดล่างหมายถึงเสียงต่ำ 
                บทเพลงเอกของซวิน ที่เป็นที่นิยมว่าบรรเลงด้วยซวินได้ไพเราะที่สุดชื่อ บทเพลงฉู่ (ภาษาจีนออกเสียงว่า ฉู่เกอ 楚歌) เป็นบทเพลงที่คีตกวีเฉินจ้งและตู้ชื่อเหวิน ประพันธ์ขึ้นโดยอาศัยทำนองเพลงโบราณ ป้า หวาง เซี่ย  เจี่ย 霸王卸甲》(ถอดเกราะจักรพรรดิ) บรรเลงจินตภาพความอาลัยอาวรณ์ของการพลัดพรากจากกันของเจ้าผู้ครองแคว้นฉู่ เซี่ยงยวี่ กับ นางอันเป็นที่รัก ยวี่จี ในครั้งที่แคว้นฉู่ออกราญศึกสงครามกับแคว้นฮั่นของหลิวปัง  แคว้นฉู่ถูกกองกำลังทหารของแคว้นฮั่นล้อมรอบปิดประชิดทุกทิศา ไร้สิ้นทางหนี ไร้สิ้นเสบียงอาหาร ไร้สิ้นกำลัง ดึกสงัดคืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบ ความท้อแท้ของกองทหารแคว้นฉู่ กองทหารแคว้นฮั่นที่กำลังปิดล้อมอยู่นั้นร้องเพลงพื้นเมืองของแคว้นฉู่ดังไปทั่วท้องสมรภูมิ เสียงข้าศึกโอบล้อมรอบเมือง ร้องเพลงบ้านเกิดของตนกึกก้องไปทั่ว ยิ่งซ้ำเติมเหล่าทหารที่ไร้กำลัง ท้อแท้และหิวโหย ให้หมดสิ้นความหวังทั้งปวง เสียงเพลงฉู่ปลุกเซี่ยงหยวี่ตื่นจากภวังค์ นึกฉงนและทอดถอนใจว่า นี่แคว้นฮั่นยึดดินแดนของข้าได้แล้วหรือไร จึงลุกขึ้นมาเขียนกลอนพร่ำรำพัน แล้วร้องเพลงร่วมกับยวี่จีนางอันเป็นที่รักด้วยความโศกเศร้ารันทดระทม ทั้งอาลัยนาง อาลัยบ้านเมือง เป็นการอำลาจากกันในชาตินี้    

            กำลังมหาศาลย้ายแม้ภูผา                แต่เพลานี้ข้าเพลี่ยงพล้ำ 
อาชามิหาญราญศึก                                 ยวี่จีเอ๋ยข้าจะทำเช่นไร   

ยวี่จี มีใจเด็ดเดี่ยว มิยอมให้ตนต้องเป็นภาระของจอมทัพในการพิทักษ์บ้านเมือง จึงเชือดคอตายที่หน้าม้าศึกของเซี่ยงหยวี  เซี่ยงหยวีขี่ม้านำกำลังทหารที่ไร้สิ้นความฮึกเหิม ไปถึงแม่น้ำอูเจียง ไม่รู้จะไปทางใดได้อีกแล้ว  หมดสิ้นหนทาง  จึงเชือดคอตายที่ริมแม่น้ำแห่งนั้น 
บทเพลงนี้มีทำนองลุ่มลึก โหยหวน เสียงซวินที่แผ่วหวิว วังเวง ถ่ายทอดความรู้สึกของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร ในยามโศกเศร้า ท้อแท้ สิ้นหวัง  และสูญเสีย
ข้างล่างนี้เป็นโน้ตเพลง  ฉู่เกอ  นอกจากนี้ผู้อ่านสามารถหาเพลงนี้ฟังได้จากเวปไซต์นี้   http://www.51wma.com/sort/10_4560_148332.html   และ


เอกสารอ้างอิง
高厚永《民族器乐概论》台北:丹青图书有限公司,1986
胡登跳《民族管弦乐法》上海:上海文艺出版社,1982
袁靜芳《民族器乐》北京:人民音乐出版社,1987
中国艺术研究院音乐研究所。《民族音乐概论》北京:人民音乐出版社,1983
แผนผังโน้ต จาก เวปไซต์เครื่องดนตรี ซวิน www.xunmusic.com 
โน้ตเพลงจาก  http://www.sooopu.com/upload/news_2007210911540.jpg







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น